การรู้แนวโน้มของตลาด จะช่วยให้คุณวางแผนการเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเครื่องมือยอดนิยม และเข้าใจได้ง่าย ก็คือ การใช้เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average : MA) ซึ่งเครื่องมือตัวนี้สามารถบอกการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม และยังสามารถใช้เป็นจุดตัดสินใจเข้าออกออเดอร์ได้ด้วย แถมยังทำความเข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และทรงประสิทธิภาพ
โดยเส้น MA มีหลายประเภท ซึ่งทุกประเภทจะใช้หลักการเดียวกัน คือ การหาค่าเฉลี่ยของราคา แล้วนำมาวาดเป็นกราฟเส้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันของ Moving Average แต่ละประเภท คือ การให้น้ำหนักของข้อมูลแต่ละตัวที่แตกต่างกันก่อนนำมาคำนวณค่าเฉลี่ย โดยที่นิยมใช้ มี 2 ประเภท คือ Exponential Moving Average (EMA) และ Simple Moving Average (SMA) ซึ่ง EMA ไวต่อข้อมูลใหม่มากกว่า SMA จึงทำให้เทรดเดอร์หลายคนเลือกใช้ EMA เป็นเส้นค่าเฉลี่ย เพราะว่า EMA มีประสิทธิภาพมากกว่า และให้ความสำคัญกับค่าปัจจุบัน
การตั้งค่า Moving Average ให้เหมาะกับแผนการเล่น
เส้น MA มีค่าเริ่มต้นที่ 14 วัน แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมตามสินค้าที่ผู้อ่านเทรด โดยสามารถเล่นได้ทั้งระยะยาวและระยะสั้น สามารถตั้งค่าได้ตามนี้
- เส้น MA 9 วัน เปรียบเสมือนการคิดเฉลี่ยย้อนหลัง 9 วัน เหมาะสำหรับเล่นระยะสั้น
- เส้น MA 21 วัน เปรียบเสมือนการคิดเฉลี่ยย้อนหลัง 21 วัน เหมาะสำหรับเล่นระยะสั้น - กลาง
- เส้น MA 50 วัน เปรียบเสมือนการคิดเฉลี่ยย้อนหลัง 50 วัน เหมาะสำหรับเล่นระยะสั้นกลาง
- เส้น MA 200 วัน เปรียบเสมือนการคิดเฉลี่ยย้อนหลัง 200 วัน เหมาะสำหรับเล่นระยะยาว
วิธีการใช้ Moving Average
เส้น Moving Average สามารถใช้ได้มากกว่า 1 เส้น โดยลักษณะการใช้สามารถใช้ได้หลายแบบ เช่น ใช้เพื่อหาแนวโน้ม และใช้เพื่อตัดสินใจในการเข้าออเดอร์ซื้อขายหรือวางแผนในการเล่นทั้งระยะสั้น และระยะยาว
ใช้เพื่อหาแนวโน้ม
โดยหากราคาอยู่เหนือเส้น MA และมีลักษณะเฉียงขึ้น แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น แต่หากราคาอยู่ต่ำกว่าเส้น MA และมีลักษณะเฉียงลง แสดงถึงแนวโน้มขาลง
ใช้เพื่อตัดสินใจในการเข้าออเดอร์
โดยดูจากการตัดกันระหว่างเส้นราคา เรียกว่า Golden Cross หรือ Death Cross โดยลักษณะของ Golden Cross คือการตัดขึ้นของเส้นค่าเฉลี่ยที่น้อยกว่าตัดเส้นค่าเฉลี่ยมากกว่าขึ้น เพื่อบ่งบอกถึงสถานะ BUY ส่วนลักษณะของ Death Cross คือการตัดลงของเส้นค่าเฉลี่ยที่น้อยกว่าตัดเส้นค่าเฉลี่ยมากกว่าลง เพื่อบ่งบอกถึงสถานะ SELL
